ก.พลังงานยืนยันพร้อมหามาตรการดูแลราคาพลังงานรับมือกรณีราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงต่อเนื่อง เล็งอุดหนุนเฉพาะกลุ่ม พร้อมหาเงินอุดหนุนเพิ่มเติมหลังวงเงินกู้ 3 หมื่นล้านบาทเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันที่เตรียมไว้ส่อไม่เพียงพอ ส่วนลดภาษีโยน “คลัง” พิจารณา รับ LPG อาจขยับ 1 บาท/กก.หลังสิ้น มี.ค. และจะเพิ่มเงินช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแทน จับตาค่าไฟฟ้าอาจสูงกว่าที่คาดไว้
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานได้สั่งทุกหน่วยงานจัดทำมาตรการเพื่อรองรับผลกระทบราคาพลังงานตลาดโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงกรณีการเปลี่ยนผ่านการผลิตแหล่งก๊าซฯ เอราวัณช่วง เม.ย. 65 ที่ก๊าซฯจะหายจากแผน 500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน กรณีสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปประกาศจะคว่ำบาตรเมียนมา คาดว่าจะได้ข้อสรุปเพื่อเสนอนายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงานในการนำเสนอรายละเอียดให้ประชาชนรับทราบภายในกลางเดือนหรือปลายเดือน ก.พ.นี้ จึงขอให้ประชาชนวางใจว่าจะมีการดูแลผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ากลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดูแลการตรึงดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตร และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) 318 บาท/ถัง 15 กิโลกรัม (กก.) ที่จะสิ้นสุด 31 มี.ค.นี้ หากจะดำเนินมาตรการดูแลต่อไปจำเป็นต้องหาแหล่งเงินเพิ่มเติมโดยเฉพาะงบประมาณจากสำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
“จากการตรึง LPG และดีเซลกองทุนน้ำมันฯ มีเงินไหลออกเดือนละ 7,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นหากราคาน้ำมันตลาดโลกสูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ ติดลบ 14,080 ล้านบาทก็ใช้วิธีบริหารกระแสเงินสดที่มีอยู่ที่จะอยู่ได้ถึงเม.ย. และกองทุนฯ อยู่ระหว่างการกู้เงินมาเสริมสภาพคล่อง 2 หมื่นล้านบาท และยังมีกรอบวงเงินที่เตรียมพร้อมอีก 1 หมื่นรวมเป็น 3 หมื่นล้านบาทนั้น ยอมรับว่าหากจะดำเนินมาตรการดูแลต่อไปคงไม่เพียงพอต้องหาแหล่งเงินเพิ่มเติมในการดูแลซึ่งต้องดูที่งบประมาณจากรัฐโดยเฉพาะงบกลางปีซึ่งก็กำลังหารืออยู่” นายกุลิศกล่าว
ปัจจุบันน้ำมันดิบดูไบขณะนี้อยู่ระดับ 90 เหรียญต่อบาร์เรล ขณะที่ช่วงกลางปี 2564 เฉลี่ย 75-80 เหรียญต่อบาร์เรลซึ่งถือว่าสูงมาก ส่งผลให้กองทุนฯ ต้องอุดหนุนราคาดีเซล 3.79 บาทต่อลิตรเพื่อตรึงไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยราคาจริงอยู่ที่ 34 บาทต่อลิตรแล้ว และกองทุนฯ ต้องใช้เงินเฉลี่ย 7.9 หมื่นล้าน/เดือนดูแล ขณะที่ตรึง LPG มาเกือบ 2 ปีใช้เงินไปแล้วรวม 2.5 หมื่นล้านบาท โดยยอมรับ LPG เมื่อสิ้นสุดการตรึงราคา 31 มี.ค.เพื่อลดภาระกองทุนฯ อาจจำเป็นต้องปรับราคาขึ้นแบบขั้นบันไดไตรมาสละ 1 บาทต่อ กก. หรือขยับจาก 318 บาทต่อถัง กก. ไปเป็น 333 บาทต่อถัง และ 363 บาทต่อถัง ซึ่งแม้จะขยับขึ้นก็ยังคงต้องใช้เงินอุดหนุนเพราะขณะนี้ราคาจริงสูงถึง 432 บาทต่อถัง โดยการปรับราคาหรือไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคา LPG ตลาดโลกในเวลานั้น
“หากขึ้น LPG ก็จะช่วยเหลือเป็นรายกลุ่ม ก็อาจจะเพิ่มเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเป็น 100 บาท/คน/3 เดือน จากเงินช่วยเหลือปัจจุบันอยู่ที่ 45 บาท โดยในส่วนของเงินเพิ่ม 55 บาทนี้ ทางกระทรวงพลังงานก็จะพยายามหาเงินช่วยเหลืออยู่ ส่วนการลดภาษีสรรพสามิตดีเซลนั้นเป็นกลไกของคลัง ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาหากราคาน้ำมันไปถึงระดับ 100 เหรียญต่อบาร์เรลอาจต้องหารือ” นายกุลิศกล่าว
ส่วนกรณีราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ได้มอบให้ ปตท.ช่วยตรึงราคาไว้ที่ 15.59 บาท/กก.จนถึงกลางเดือน มี.ค. ซึ่งกรณีกลุ่มแท็กซี่เรียกร้องขอราคา 10.50 บาท/กก. ทางกระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาช่วยเฉพาะกลุ่มและให้ประชาชนได้รับประโยชน์ โดยจะดูเรื่องการช่วยรถสาธารณะเป็นหลัก ซึ่ง ปตท.มีโครงการลมหายใจเดียวกันช่วยเหลือแท็กซี่ ก็กำลังดูเพิ่มเติมว่าจะช่วยอย่างไร โดย ปตท.ช่วยตรึงราคาตั้งแต่ พ.ย. 64-กลางเดือน มี.ค..65 เป็นเงินราวเกือบ 1.5 พันล้านบาท
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ยอมรับว่ามีความกังวลใน 3 เดือนข้างหน้าที่ราคาน้ำมันโลกจะผันผวนสูงโดยทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันกลุ่มปตท.(PRISM Expert) ประเมินราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยจะอยู่ที่ 88-93 เหรียญต่อบาร์เรลเฉลี่ยทั้งปี 78-80 เหรียญต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาพลังงานอื่นๆ ก็ขยับขึ้นเกินคาด เป็นผลจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากโควิด-19, ปัญหาขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ปัญหารัสเซีย-ยูเครน, ค่าเงินบาทอ่อนค่า ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะกดดันต่อสถานะกองทุนน้ำมันฯ
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) สูงขึ้นมีผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) โดยเดิมได้คาดการณ์จะขึ้นอีก 16.71 สตางค์/หน่วย ทุกงวด ในปี 65 (งวดละ 4 เดือน) ยอมรับว่าอาจสูงกว่าที่มองไว้แต่ก็พยายามที่จะบริหารต้นทุนต่างๆ ให้ลดลง
นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า ในส่วนของก๊าซเอราวัณที่ลดลงกว่าคาดการณ์ 500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน คาดว่าจะต้องนำเข้า LNG มาทดแทน 1.8 ล้านตัน ส่วนปัญหายาดานา ในขณะนี้กำลังวางแผนไม่ให้ไทยได้รับผลกระทบ เช่น ขอความร่วมมือผู้ผลิตแหล่งในประเทศยืดระยะเวลาซ่อมบำรุงออกไป และขอให้ผลิตก๊าซเพิ่ม เช่น แหล่งอาทิตย์ แหล่งบี 8/32 รวมทั้งแหล่งเจดีเอ
น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า ขณะนี้ ธพ.ได้ประกาศปรับลดสัดส่วน B100 ในดีเซลเหลือเป็นดีเซล B5 เกรดเดียว โดยมีผลตั้งแต่ 5 ก.พ.-31 มี.ค.เป็นการชั่วคราว
อ้างอิง
https://m.mgronline.com/business
