ราล์ฟ รังนิก กุนซือขัดตาทัพของ แมนฯ ยูไนเต็ด แสดงความผิดหวังที่โดนริบไป 2 ประตูในช่วงครึ่งแรก แต่ก็ยอมรับว่ามีบางด้านที่ทีมของตนทำได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก ทั้งที่ในครึ่งแรก “ปีศาจแดง” ทำผลงานกันได้ยอดเยี่ยมสุดๆ
ราล์ฟ รังนิก ผู้จัดการทีมชั่วคราวของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงความผิดหวังกับการทำหน้าที่ของทีมงานผู้ตัดสินที่ริบจังหวะที่น่าจะเป็นประตูไป 2 ประตู จนส่งผลให้ทีมของตนทำได้เพียงออกไปเสมอกับ เบิร์นลี่ย์ 1-1 ในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แต่ยอมรับว่าส่วนหนึ่ง “ปีศาจแดง” ก็ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่เหมือนกัน โดยเฉพาะการขาดความดุดันในช่วงต้นครึ่งหลัง และการจบสกอร์ได้ไม่เด็ดขาดพอในช่วงท้ายเกม
แมนฯ ยูไนเต็ด ปิดท้ายครึ่งแรกด้วยการขึ้นนำ 1-0 จากผลงานของ ปอล ป็อกบา ในนาทีที่ 18 แต่ที่จริงมันมีอีก 2 จังหวะที่บอลเข้าไปนอนในก้นตาข่ายของ เบิร์นลี่ย์ ก่อนที่สุดท้ายกรรมการจะริบประตูไป นั่นคือชอตที่ ราฟาแอล วาราน โหม่งเข้าประตูแต่มีการตัดสินว่า แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า และชอตที่ จอช บราวน์ฮิลล์ แข้งของเจ้าถิ่นทำเข้าประตูตัวเอง แต่มีการมองว่า ป็อกบา ไปทำฟาวล์ เอริค ปีเตอร์ส ก่อนหน้านั้น
พอกลับมาเล่นในช่วงครึ่งหลัง เบิร์นลี่ย์ ก็ตีเสมอได้ตั้งแต่ช่วง 2 นาทีแรกจากผลงานของ เจย์ โรดริเกซ โดยหลังจากนั้นทีมเยือนก็พยายามเปิดเกมบุกอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายก็ทำอะไรเพิ่มไม่ได้จนทำให้พวกเขาหล่นมาอยู่ที่ 5 ของตารางคะแนนด้วยผลงาน 39 แต้มจากการลงเล่น 23 นัด ตามหลัง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมในอันดับ 4 อยู่ 1 แต้ม แต่ทัพ “ขุนค้อน” ลงเล่นเยอะกว่าพวกเขา 1 เกม
รังนิก เผยว่า “ที่จริงเราทำได้ 3 ประตู (ในช่วงครึ่งแรก) มันต่างจากเกมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (เกม เอฟเอ คัพ รอบ 4 ที่เสมอกับ มิดเดิ้ลสโบรช์ 1-1 ก่อนจะแพ้ในช่วงดวลจุดโทษ) ที่ในครึ่งแรกเราทำได้แค่ลูกเดียว วันนี้เราทำได้ตั้ง 3 ประตูเลย แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นค่ำคืนที่น่าหงุดหงิดสำหรับเราเพราะเราน่าจะเอาชนะได้แบบสบายๆ ตั้งแต่ในช่วงครึ่งแรกแล้ว หรือแม้กระทั่งในช่วง 25 นาทีสุดท้ายที่เราคุมเกมเอาไว้ได้หมดแต่กลับไม่เด็ดขาดเท่ากับในช่วงครึ่งแรก”
“จากรูปเกมในครึ่งแรกน่ะผมคงโทษลูกทีมเรื่องขาดสัญชาตญาณแบบนักฆ่าไม่ได้ แต่ในช่วง 25 นาทีสุดท้ายเราทำได้ไม่ดีพอทั้งที่ได้เล่นลูกเซตพีซหลายหน ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นเรื่องของการขาดโชคนิดหน่อยในจังหวะของ ราฟาแอล วาราน, จังหวะลูกโหม่งของ คริสเตียโน่, ชอตของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ท้ายที่สุดแล้วการได้แค่ 1 แต้มจากฟอร์มแบบนี้มันก็ถือว่าไม่ดีพอ”
“ต้องยอมรับว่าผมไม่พอใจกับชอตที่สอง (จังหวะที่ บราน์ฮิลล์ ทำเข้าประตูตัวเอง แต่มีการตัดสินว่าว่า ป็อกบา ฟาวล์ไปก่อนจนทำให้ไม่เป็นประตู) มากเป็นพิเศษ ผมได้ดูภาพช้าของจังหวะนี้ในห้องแต่งตัวแล้ว ผู้กำกับเส้นยกธงเพื่อบอกว่าเป็นการฟวล์ แต่เขามายกธงหลังเกิดจังหวะนั้นไปแล้วราว 10 วินาทีได้ ผมต้องบอกเลยว่ามันเป็นการให้ฟาวล์ที่ง่ายเกินไป”
“เป็นอีกครั้งที่ต้องบอกว่าเราเล่นได้ยอดเยี่ยมในครึ่งแรก เราครองเกมเอาไว้ได้หมดรวมถึงทำได้ 3 ประตู แต่กลับมี 2 ลูกที่โดนริบไป ขณะที่ในครึ่งหลังเราไม่ดุดันมากพอในช่วง 10-15 นาทีแรก มันเห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าพวกเขาจะกลับลงมาเล่นในช่วงครึ่งหลังในสภาพที่ดุดันมากกว่าในครึ่งแรก แต่เราเองกลับไม่ดุดันพอในช่วง 15 นาทีที่ว่า เราเสียประตูกันง่ายๆ เราเล่นเกมโต้กลับเร็วกันได้ดีในช่วง 30 วินาทีแรกก่อนที่จะเสียประตู และเราก็เล่นเกมรับกันได้ไม่ดีพอในจังหวะที่ปล่อยให้พวกเขาทำประตู”
อ้างอิง
https://www.siamsport.co.th/football
